วันอาทิตย์ที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2554

ศิลปะกับการถ่ายภาพ นิตยสาร D 22 มกราคม 2553 – 5:31 pm

1.องค์ประกอบของภาพ

หมายถึง การจัดวางสิ่งต่างๆ ลงในภาพ หากเราเปรียบช่องมองภาพ (View finder) ของกล้องเป็นเหมือนเฟรมหรือกระดาษวาดภาพ สิ่งต่างๆที่จะวางอยู่ภายในเฟรมหรือพื้นที่ว่างนั้น ก็คือองค์ประกอบของภาพของเรานั่นเอง ภาพถ่ายที่มีองค์ประกอบของภาพที่ดี มักจะทำให้ภาพดูดี สื่อความหมายได้อย่างชัดเจน ไม่ทำให้คนดูสับสน การจัดองค์ประกอบในการถ่ายภาพ ต่างจากการจัดองค์ประกอบในงานศิลปะแขนงอื่นๆก็คือ บางครั้ง เราไม่สามารถไปยุ่งกับวัตถุ ย้าย หรือขยับวัตถุต่างๆให้อยู่ในตำแหน่งที่เราต้องการได้ เช่น ย้ายต้นไม้ที่ขวางอยู่ออกไป หรือขยับรถที่จอดอยู่ให้ถอยออกไป วิธีแก้ไขก็คือใช้เทคนิคในการถ่ายภาพเข้ามาช่วย เช่น อาจจะย้ายมุมถ่าย ซูมเข้าไปใกล้ๆ หรือใช้การควบคุมการชัดลึก เป็นต้น
ในการถ่ายภาพ มีหลักการวางองค์ประกอบง่ายๆ ที่นิยมคือ ?กฏ 3 ส่วน?
  • กฏ 3 ส่วน Rule of Thirds
คนส่วนใหญ่เวลาถ่ายภาพ มักจะวางวัตถุ หรือเลือกตัวแบบให้อยู่ตรงกลางภาพ ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิดแต่อย่างใด
หากเลือกใช้เป็นครั้งคราวหรือใช้กับภาพถ่ายบางประเภท เช่น ภาพบุคคล ส่วนการถ่ายภาพที่มีองค์ประกอบในภาพหลายหลาย เช่น ภาพเรือลอยอยู่กลางท้องทะเล โดยมีฉากหลังเป็นภูเขาสีเขียว หากจัดวางจุดสนใจไว้ตรงกลางภาพ อาจจะทำให้ภาพดูน่าเบื่อ ขาดความน่าสนใจได้ นักถ่ายภาพส่วนใหญ่จึงนิยมวางภาพในตำแหน่งของ ?กฏ 3 ส่วน? นั่นคือ หากเราลองแบ่งพื้นที่ในช่องมองภาพ ออกเป็น 3 ส่วน โดยลากเส้นแบ่งทั้งด้านกว้างและด้านยาว ตรงบริเวณที่เส้นแบ่งตัดกัน เป็นจุดที่ดึงดูดสายตาของผู้ชมได้มากที่สุด เราจึงควรวางจุดสนใจเอาไว้ตรงบริเวณจุดตัดนั้นๆ เช่นในกรณีภาพถ่ายเรือที่กล่าวถึงข้างต้น ให้เราลองขยับกล้องเพื่อให้เรือมาอยู่ในตรงจุดตัด จุดใดจุดหนึ่ง แล้วจึงบันทึกภาพ ภาพที่ได้ก็จะมีความน่าสนใจมากกว่าวางเรือไว้ตรงกลางภาพ ในกรณีอื่นๆ ก็เช่นกัน ให้เราเลือกวัตถุที่เราต้องการนำเสนอ วางไว้ในตำแหน่งใดก็ได้ ตรงจุดตัดทั้ง 4 จุดนี้? และหากถ่ายภาพที่มีเส้นขอบฟ้า เช่น ภาพทะเลที่มีพื้นน้ำตัดกับเส้นขอบฟ้า เราก็นิยมวางตรงขอบฟ้ากับขอบน้ำนั้นไว้ตรงเส้นแบ่งเส้นใดเส้นหนึ่ง (จาก 2 เส้น) มากกว่าจะวางเส้นตัดของท้องฟ้าไว้ตรงกลางภาพ? (ดูรูปภาพประกอบ)
กฎสามส่วน
วางองค์ประกอบภาพให้ได้ตามกฎ-3-ส่วน
** เรื่องของกฎ 3 ส่วน เป็นที่นิยมกันมากในหมู่นักถ่ายภาพ บางครั้งอาจจะทำให้ภาพที่เราถ่ายออกมา ซ้ำๆกับภาพของคนอื่นๆ หรือภาพที่เห็นกันอยู่ทั่วๆไปตามเวบไซต์หรือโปสการ์ด อย่างไรก็ตาม มือใหม่ทุกคนควรจะฝึกวางองค์ประกอบภาพให้ได้ตามกฎ 3 ส่วน เสียก่อน หลังจากนั้นเมื่อเริ่มชำนาญมากขึ้น จึงค่อยหาแนวทางวาง
องค์ประกอบภาพในแบบที่ตัวเองถนัดอีกที
  • ความสมดุล
เรื่องของความสมดุล เป็นหลักการทางศิลปะที่มีมานานแล้ว เนื่องจากการมองสิ่งต่างๆของคนเรามักจะมีความรู้สึกพอใจกับสิ่งที่มีสองด้านเท่าๆกัน เช่น ตาชั่ง ที่มีแขนข้างซ้ายและขวา คนเราที่มี 2 แขน หนังสือ ที่มีหน้าซ้ายและขวา ฯลฯ หากมีด้านใดด้านหนึ่งที่ขาดหายไป ก็มักจะทำให้เรารู้สึกขัดๆ หรือแปลกๆ ภาพถ่ายก็เช่นกัน โดยปกติ เราควรรักษาความสมดุลภายในภาพถ่ายของเรา ซึ่งสามารถทำได้หลายวิธี เช่น
ความสมดุลย์ของการถ่ายภาพ
สมดุล แบบ วัตถุ ซ้าย ? ขวา เท่ากัน
สมดุลแบบน้ำหนักของแสงสี
สมดุลแบบน้ำหนักของแสงสี
สมดุลแบบจำนวน
สมดุลแบบจำนวน
แต่อย่างไรก็ตาม ไม่ได้เป็นข้อห้ามตายตัวเสมอไป ว่าภาพถ่ายของเราต้องมีความสมดุล ซ้ายขวา บางครั้งภาพถ่ายที่มีวัตถุหรือจุดสนใจอยู่ด้านใดด้านหนึ่ง โดยทิ้งพื้นที่อีกด้านเอาไว้โล่งๆ ก็ดูดีได้ ซึ่งขึ้นอยู่กับความต้องการของช่างภาพเป็นสำคัญ บางคนเรียกการจัดภาพลักษณะนี้ว่า การจัดภาพที่ไม่สมดุล
หากรอบให้ภาพ
การหากรอบให้กับภาพ
เป็นเทคนิคการจัดองค์ประกอบยอดนิยม บางครั้งก็เรียกว่าการวางฉากหน้าให้กับภาพ วิธีการก็คือ หาวัตถุ หรือองค์ประกอบบางอย่าง วางเป็นฉากหน้า หรือกรอบให้กับภาพที่เราถ่าย ดังเช่นตัวอย่าง
กรอบของภาพ
มีข้อควรระวังในการวางกรอบหรือฉากหน้าให้กับภาพก็คือ ระวังอย่าให้กรอบหรือฉากหน้าเด่นกว่าตัวแบบเรา เราอาจจะชดเชยแสงให้ตัวกรอบหรือฉากหน้า อันเดอร์หรือมืดลง เพื่อลบรายละเอียดออกไปก็ได้? และอย่าวางกรอบให้ใหญ่หรือกินพื้นที่ของภาพมากเกินไป

2.จังหวะ

หมายถึง จังหวะในการถ่ายภาพ เป็นสิ่งที่เราควรให้ความสนใจมากเช่นกัน จังหวะของภาพก็คือ ช่วงเวลาที่เรากดชัตเตอร์เพื่อเก็บภาพนั่นเอง ไม่ว่าจะเป็นภาพพระอาทิตย์กำลังจะขึ้น ภาพนกกำลังบิน ภาพคนกำลังกระโดดลงน้ำ ภาพสุนัขกำลังคาบสิ่งของ จังหวะของภาพถ่าย ส่งผลต่ออารมณ์และความรู้สึกของคนดู ให้เราลองเปรียบเทียบระหว่าง ภาพนกที่กำลังบินโฉบลงมาคาบปลา กับนกที่กำลังบินอยู่เฉยๆ สองภาพนี้มีจังหวะที่แตกต่างกัน อารมณ์ความรู้สึกต่างกัน ภาพแรกย่อมให้อารมณ์ที่ดีกว่า ทั้งที่เป็นภาพนกเหมือนๆกัน เนื่องจากได้จังหวะที่สำคัญ การถ่ายภาพให้ได้จังหวะที่ดีๆนั้น ต้องถามตัวเองก่อนว่าเราตั้งใจจะถ่ายอะไร เช่น ถ่ายภาพพระอาทิตย์ขึ้น ก็ควรไปเฝ้ารอตั้งแต่เช้ามืด ถ่ายภาพกีฬา ก็ต้องคอยโอกาสที่สำคัญ
จังหวะของภาพเช่น นักฟุตบอลกำลังกระโดดแย่งโหม่งลูก หรือผู้รักษาประตูกำลังพุ่งปัดลูก เป็นต้น เมื่อเรารู้ความต้องการของเราแล้ว จึงค่อยวางแผนว่าควรจะจับภาพตอนไหน ถึงจะดึงอารมณ์ของภาพออกมาให้ได้มากที่สุด ซึ่งบางครั้งก็เป็นเรื่องที่ยาก เพราะจังหวะที่ดีๆ บางทีก็เกิดขึ้นมาอย่างไม่คาดฝัน ต้องอาศัยโชคอยู่บ้าง ช่างภาพจึงควรมีความอดทน มีความพร้อมทั้งตัวเราเองและอุปกรณ์ กล้องถ่ายภาพที่มีระบบถ่ายภาพต่อเนื่อง หรือ Burst-shot จะช่วยได้มาก ควรเช็คอุปกรณ์ให้เรียบร้อย เพราะหากถึงเวลาจริงๆขึ้นมา เจอจังหวะเหมาะๆ แต่กล้องกลับขัดข้องไม่สามารถจับไว้ได้ทัน ก็เป็นเรื่องที่น่าเสียดายมาก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น