ใน งานของการถ่ายภาพนิ่ง และเคลื่นไหวนั้น แสงถือว่าสิ่งสำคัญ เพราะหากไม่มีแสงจะไม่สามารถถ่ายภาพติดได้เนื่องจากการถ่ายภาพหากรู้ความ หมายจริง ๆ วิชาถ่ายภาพตรงกับภาษาอังกฤษว่า "Photography" มาจากคำศัพท์ในภาษากรีก โดย "Phos = แสงสว่าง" และ "Graphein = เขียน" เมื่อนำมารวมกันจึงหมายถึง "เขียนด้วยแสงสว่าง แต่ในปัจจุบันนี้ หมายถึง วิชาที่ว่าด้วยการทำให้ภาพเกิดขึ้นโดยใช้แสงสว่างมากระทบกับวัสดุไวแสง และครอบคลุมไปถึงการถ่ายรูป การล้างฟิล์ม การอัดขยายภาพ และกระบวนการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกัน
กล่าวโดยสรุป วิชาการถ่ายรูปก็คือ "ความรู้ที่ว่าด้วยกระบวนแห่งการสร้างรูปโดยอาศัยแสงสว่างเข้าช่วย" นั่นเอง
แสง ที่เราเห็น และใช้กันอยู่ทุกวันนี้ มีสีและอุณหภูมิที่ต่างกันออกไป... ต่างแสง ก็ต่างอุณหภูมิสี อุณหภูมิสีของแสงที่พูดถึงนี้ ได้รับการวัด และคำนวณขึ้นมาเพื่อให้ใช้เป็นแนวทาง ในการที่จะนำไปปรับใช้ในการทำงานในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะทั้งทางด้านวิทยาศาสตร์ หรือว่าทางด้านศิลปศาสตร์ การวัดค่าหาอุณหภูมิสีนี้ จะทำกันตลอดปี ตามวันที่ได้รับการคำนวณมาแล้ว ว่าจะปลอดจากแสง Skylight มากที่สุด ในเวลาเที่ยง วันตรง เรียกกันว่า Mean Noon Sunlight ซึ่งได้ทำการวัดหาค่ากันที่เมือง Washington, D.C. เมืองหลวงของประเทศสหรัฐอเมริกา โดย U.S. Nation Bureau of Standards เนื่องจากว่าการเปลี่ยนแปลงทางธรรมชาติ เกิดขึ้นได้ทุกวินาที จึงทำให้การให้ค่าของสีของแต่ละแสง ทำได้เพียงแค่การประมาณเท่านั้น ว่าจะเป็นกี่ Kelvin (K) ซึ่งเป็นหน่วยวัดอุณหภูมิสีของแสง (ได้รับการคิดค้นขึ้นมาโดย นาย W.T. Kelvin 1824-1907) และถึงแม้ว่าจะเป็นแสงประดิษฐ์ ที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงทางธรรมชาติก็ตาม หลอดไฟก็จะมีการเสื่อมคุณภาพลง ตามระยะเวลา อุณหภูมิสีของแสง หรือค่าของ K ก็จะเปลี่ยนตามไปด้วย
แสงมีอยู่ด้วยกันสองประเภท คือ Natural Light (แสงธรรมชาติ) และ Artificial Light (แสงประดิษฐ์) และจากแสงทั้งสองนี้ เราก็ยังสามารถที่จะแยกแยะออกไปได้อีกหลายชนิดด้วยกัน และกับแต่ละแสงนั้น เราก็สามารถที่จะใช้ในถ่ายภาพได้ทั้งสิ้น เพียงแค่ว่าอุณหภูมิสีของแสงจะต่างกันเท่านั้นเอง ในการถ่ายภาพ เราจึงจะต้องเลือกใช้ฟิล์มให้เหมาะกับประเภทของแสง ประเภทของแสงก็มีส่วนเกี่ยวข้องในคุณภาพของภาพ ที่จะได้รับจากประเภทของแสงด้วยเช่นกัน
Natural Light แสงธรรมชาติ
แสงประเภทนี้มีแหล่ง กำเนิดแสงอยู่ เพียงแห่งเดียว คือ ดวงอาทิตย์ แต่ได้รับการดูดซึมไปด้วยแหล่งต่างๆ ในจักรวาล คือดวงดาวต่างๆ และดวง จันทร์ แสงที่เราเห็นจากดาวเหล่านั้น คือแสงที่สะท้อนออกมา และแสงที่สามารถสะท้อนกลับมาถึงโลกได้มีอยู่เพียงดวงเดียว คือ ดวงจันทร์ ดังนั้นเราจึงสามารถที่จะรับแสงธรรมชาติได้สองทางคือ แสงที่ส่องมาโดยตรงจากดวงอาทิตย์ในเวลากลางวัน และแสงที่สะท้อนมาจากดวงจันทร์ในเวลากลางคืน รวมทั้งจากดวงดาวต่างๆ ที่ให้เพียงแค่แสงระยิบ ระยับ กับแสงที่สะท้อนมาจากวัสดุต่างๆ รอบตัวเรา แสงธรรมชาติที่เราเห็น และใช้กันอยู่ทุกวัน จะประกอบไปด้วยแสงต่างๆ เช่น
แสงประเภทนี้มีแหล่ง กำเนิดแสงอยู่ เพียงแห่งเดียว คือ ดวงอาทิตย์ แต่ได้รับการดูดซึมไปด้วยแหล่งต่างๆ ในจักรวาล คือดวงดาวต่างๆ และดวง จันทร์ แสงที่เราเห็นจากดาวเหล่านั้น คือแสงที่สะท้อนออกมา และแสงที่สามารถสะท้อนกลับมาถึงโลกได้มีอยู่เพียงดวงเดียว คือ ดวงจันทร์ ดังนั้นเราจึงสามารถที่จะรับแสงธรรมชาติได้สองทางคือ แสงที่ส่องมาโดยตรงจากดวงอาทิตย์ในเวลากลางวัน และแสงที่สะท้อนมาจากดวงจันทร์ในเวลากลางคืน รวมทั้งจากดวงดาวต่างๆ ที่ให้เพียงแค่แสงระยิบ ระยับ กับแสงที่สะท้อนมาจากวัสดุต่างๆ รอบตัวเรา แสงธรรมชาติที่เราเห็น และใช้กันอยู่ทุกวัน จะประกอบไปด้วยแสงต่างๆ เช่น
1. Sunlight
แสงนี้นับว่าเป็นแสงธรรมชาติอย่างแท้ จริง เพราะเป็นแสงที่ส่องมาจากดวงอาทิตย์โดยตรง ยังมิได้มีการผสมกับแสงอื่นใด หรือรังสีใด หรือได้รับการสะท้อนกลับ มาจากสิ่งอื่นสิ่งใดในบรรยากาศทั้งสิ้น เป็นแสงที่เราที่อยู่ข้างล่างนี้ไม่สามารถที่จะสัมผัส หรือพบเห็นได้บ่อยนัก เพราะปรกติแล้วแสงนี้จะได้รับการผสมกับแสงที่ได้การดูดซึมไป โดยดวงดาวต่างๆ แล้วสะท้อนออกมา และกับรังสีอื่นๆ ที่ล่องลอยอยู่ในบรรยากาศ ก่อนที่จะส่องมายังโลก เป็นแสงที่มีอุณหภูมิสีที่ 5,400 K
แสงนี้นับว่าเป็นแสงธรรมชาติอย่างแท้ จริง เพราะเป็นแสงที่ส่องมาจากดวงอาทิตย์โดยตรง ยังมิได้มีการผสมกับแสงอื่นใด หรือรังสีใด หรือได้รับการสะท้อนกลับ มาจากสิ่งอื่นสิ่งใดในบรรยากาศทั้งสิ้น เป็นแสงที่เราที่อยู่ข้างล่างนี้ไม่สามารถที่จะสัมผัส หรือพบเห็นได้บ่อยนัก เพราะปรกติแล้วแสงนี้จะได้รับการผสมกับแสงที่ได้การดูดซึมไป โดยดวงดาวต่างๆ แล้วสะท้อนออกมา และกับรังสีอื่นๆ ที่ล่องลอยอยู่ในบรรยากาศ ก่อนที่จะส่องมายังโลก เป็นแสงที่มีอุณหภูมิสีที่ 5,400 K
2. Skylight
เป็นรังสีที่กระจัดกระจายอยู่ใน บรรยากาศ มีแสงของสีฟ้าผสมอยู่ในปริมาณที่มากในท้องฟ้า จึงทำให้แสงที่ส่องมายามฟ้าโปร่งมีแสงของสีฟ้าผสมอยู่ด้วยเป็นจำนวนมาก จากการถ่ายภาพด้วยฟิล์มสไลด์สีที่ปราศจากการใช้ Skylight ฟิลเตอร์ จะเห็นได้ชัดว่าสิ่งที่เป็นสีขาวที่อยู่ภายในร่ม หรือภายใต้ชายคา จะมีสีฟ้าผสมอยู่ให้เห็นได้อย่างชัดเจน เมื่อได้ใช้ Skylight ฟิลเตอร์ใส่ติดหน้าเลนส์ ก็จะปรากฏว่าช่วยตัดรังสี หรือแสงสีฟ้านี้ออกไปจนหมดสิ้น แสงนี้มีอุณหภูมิสีที่ 2,500 K ขึ้นไป
เป็นรังสีที่กระจัดกระจายอยู่ใน บรรยากาศ มีแสงของสีฟ้าผสมอยู่ในปริมาณที่มากในท้องฟ้า จึงทำให้แสงที่ส่องมายามฟ้าโปร่งมีแสงของสีฟ้าผสมอยู่ด้วยเป็นจำนวนมาก จากการถ่ายภาพด้วยฟิล์มสไลด์สีที่ปราศจากการใช้ Skylight ฟิลเตอร์ จะเห็นได้ชัดว่าสิ่งที่เป็นสีขาวที่อยู่ภายในร่ม หรือภายใต้ชายคา จะมีสีฟ้าผสมอยู่ให้เห็นได้อย่างชัดเจน เมื่อได้ใช้ Skylight ฟิลเตอร์ใส่ติดหน้าเลนส์ ก็จะปรากฏว่าช่วยตัดรังสี หรือแสงสีฟ้านี้ออกไปจนหมดสิ้น แสงนี้มีอุณหภูมิสีที่ 2,500 K ขึ้นไป
3. Daylight
เป็นแสงที่ได้รับการผสมระหว่าง Sunlight กับ Skylight และได้รับการผสมร่วมกับแสง และรังสีอื่นๆ ที่แผ่กระจายอยู่ในบรรยากาศทั่วไป เป็นแสงที่เราได้รับและ ใช้อยู่เป็นประจำทุกวัน... เนื่องจากการหมุนของโลก การเคลื่อนตัวของเมฆ การเคลื่อน ตัวของสิ่งต่างๆ บนพื้นผิวโลก ในท้องฟ้า และบรรยากาศ รวมทั้งตำแหน่งของดวงอาทิตย์ จึงทำให้แสงนี้เป็นแสงที่มีอุณหภูมิสีต่างกันออกไปตลอดวัน ตั้งแต่เวลาเช้าตรู่ก่อนที่ดวงอาทิตย์จะโผล่ขึ้นจากขอบฟ้า ไปจนถึงหลังจากที่ดวงอาทิตย์ลาลับขอบฟ้าไปแล้ว โดย ประมาณแล้ว จะเป็นแสงที่มีอุณหภูมิสีของแสงระหว่าง 1,300 K - 25,000 K
เป็นแสงที่ได้รับการผสมระหว่าง Sunlight กับ Skylight และได้รับการผสมร่วมกับแสง และรังสีอื่นๆ ที่แผ่กระจายอยู่ในบรรยากาศทั่วไป เป็นแสงที่เราได้รับและ ใช้อยู่เป็นประจำทุกวัน... เนื่องจากการหมุนของโลก การเคลื่อนตัวของเมฆ การเคลื่อน ตัวของสิ่งต่างๆ บนพื้นผิวโลก ในท้องฟ้า และบรรยากาศ รวมทั้งตำแหน่งของดวงอาทิตย์ จึงทำให้แสงนี้เป็นแสงที่มีอุณหภูมิสีต่างกันออกไปตลอดวัน ตั้งแต่เวลาเช้าตรู่ก่อนที่ดวงอาทิตย์จะโผล่ขึ้นจากขอบฟ้า ไปจนถึงหลังจากที่ดวงอาทิตย์ลาลับขอบฟ้าไปแล้ว โดย ประมาณแล้ว จะเป็นแสงที่มีอุณหภูมิสีของแสงระหว่าง 1,300 K - 25,000 K
คราวนี้มาดูแหล่งแสงไม่ธรรมชาติบ้าง นะครับว่ามีอะไรบ้าง
Artificial Light... แสงประดิษฐ์
หรือ แสงที่เกิดขึ้นมาได้ด้วยมี มือของมนุษย์ จากปรากฏการต่างๆ เช่น แสงไฟฟ้า แสงจากเทียน แสงจากตะเกียง แสงไฟแฟลช หรือจากการเกิดไฟไหม้ หรือเป็นแสงที่เกิดขึ้นมาจากภัยธรรมชาติ เช่นไฟป่า เป็นต้น ซึ่งต่างก็เป็นแสงที่ไม่ได้มาจากดวงอาทิตย์ แสงต่างๆ ที่จะพูดต่อไปนี้จะเข้าข่ายของ แสงประดิษฐ์ มากกว่า ที่จะเป็น แสงธรรมชาติ
1. Available Light
ใน ความหมายดั้งเดิมหมายถึง แสงอะไรก็แล้วแต่ที่สามารถหยิบฉวยไปใช้ได้ในขณะที่ต้องการ รวมทั้งแสงที่มีส่องอยู่ในขณะนั้นด้วย ซึ่งอาจจะเป็นแสงธรรมชาติก็ได้ สรุปแล้วคือ จะเป็นแสงอะไรก็ได้ทั้งนั้น แต่ในปัจจุบันได้รับการนำมาใช้ในอีกความหมายหนึ่ง คือ เป็นการอธิบายถึงยามที่มีแสงน้อย และในการถ่ายภาพยามที่มีแสงน้อย ซึ่งมักจะเป็นเวลาที่แสงธรรมชาติได้ลาลับไปแล้ว เช่นเวลากลางคืน และแสงที่มีอยู่ก็จะเป็นแสงประดิษฐ์ทั้งสิ้น การถ่ายภาพกลางคืนที่มีแสงน้อยในกรณีย์นี้ ผู้ถ่าย สามารถปรับแต่งแสงได้ตามความเหมาะสม หรือตามความต้องการ ด้วยการใช้ gobo หรือ reflector แต่ไม่ใช่เป็นการเพิ่มแสงดวงใหม่เข้าไป
2. Existing light
มี ความหมายคล้ายกับ Available Light ซึ่งหมายถึงแสงอะไรก็แล้วแต่ที่ส่องอยู่ในขณะนั้น อาจจะเป็นแสงธรรมชาติหรือแสงประดิษฐ์ก็ได้ ปรกติแล้วก็จะหมายถึงการถ่ายภาพยามแสงน้อย หรือเป็นการถ่ายภาพกลางคืน ที่ใช้แสงที่มีอยู่เป็นแสงหลัก การถ่ายภาพใต้หัวข้อนี้จะไม่มีการเสริม หรือแต่ง หรือเพิ่มเติมแสงอื่นใดเข้าไป เป็นอันขาด
3. Ambient Light
โดย ส่วนใหญ่แล้ว มีความหมายเดียวกันกับสองแสงข้างบน แต่ยังมีความหมายในตัวของมันเองอีกว่าหมายถึงแสงที่ส่องมา โดยไม่ทราบที่มาของแหล่งแสงที่ชัดเจน
ทีนี่ข้างล่างจะเป็นภาพแสดงถึงอุณหภูมิสีครับ โดยในภาพจะบอกเลยว่าแสงอะไรอุณหภูมิสีอะไร แล้วก็ ให้สีอะไร อันนี้ควรรู้ ไว้ก็ดีครับ
หรือ แสงที่เกิดขึ้นมาได้ด้วยมี มือของมนุษย์ จากปรากฏการต่างๆ เช่น แสงไฟฟ้า แสงจากเทียน แสงจากตะเกียง แสงไฟแฟลช หรือจากการเกิดไฟไหม้ หรือเป็นแสงที่เกิดขึ้นมาจากภัยธรรมชาติ เช่นไฟป่า เป็นต้น ซึ่งต่างก็เป็นแสงที่ไม่ได้มาจากดวงอาทิตย์ แสงต่างๆ ที่จะพูดต่อไปนี้จะเข้าข่ายของ แสงประดิษฐ์ มากกว่า ที่จะเป็น แสงธรรมชาติ
1. Available Light
ใน ความหมายดั้งเดิมหมายถึง แสงอะไรก็แล้วแต่ที่สามารถหยิบฉวยไปใช้ได้ในขณะที่ต้องการ รวมทั้งแสงที่มีส่องอยู่ในขณะนั้นด้วย ซึ่งอาจจะเป็นแสงธรรมชาติก็ได้ สรุปแล้วคือ จะเป็นแสงอะไรก็ได้ทั้งนั้น แต่ในปัจจุบันได้รับการนำมาใช้ในอีกความหมายหนึ่ง คือ เป็นการอธิบายถึงยามที่มีแสงน้อย และในการถ่ายภาพยามที่มีแสงน้อย ซึ่งมักจะเป็นเวลาที่แสงธรรมชาติได้ลาลับไปแล้ว เช่นเวลากลางคืน และแสงที่มีอยู่ก็จะเป็นแสงประดิษฐ์ทั้งสิ้น การถ่ายภาพกลางคืนที่มีแสงน้อยในกรณีย์นี้ ผู้ถ่าย สามารถปรับแต่งแสงได้ตามความเหมาะสม หรือตามความต้องการ ด้วยการใช้ gobo หรือ reflector แต่ไม่ใช่เป็นการเพิ่มแสงดวงใหม่เข้าไป
2. Existing light
มี ความหมายคล้ายกับ Available Light ซึ่งหมายถึงแสงอะไรก็แล้วแต่ที่ส่องอยู่ในขณะนั้น อาจจะเป็นแสงธรรมชาติหรือแสงประดิษฐ์ก็ได้ ปรกติแล้วก็จะหมายถึงการถ่ายภาพยามแสงน้อย หรือเป็นการถ่ายภาพกลางคืน ที่ใช้แสงที่มีอยู่เป็นแสงหลัก การถ่ายภาพใต้หัวข้อนี้จะไม่มีการเสริม หรือแต่ง หรือเพิ่มเติมแสงอื่นใดเข้าไป เป็นอันขาด
3. Ambient Light
โดย ส่วนใหญ่แล้ว มีความหมายเดียวกันกับสองแสงข้างบน แต่ยังมีความหมายในตัวของมันเองอีกว่าหมายถึงแสงที่ส่องมา โดยไม่ทราบที่มาของแหล่งแสงที่ชัดเจน
ทีนี่ข้างล่างจะเป็นภาพแสดงถึงอุณหภูมิสีครับ โดยในภาพจะบอกเลยว่าแสงอะไรอุณหภูมิสีอะไร แล้วก็ ให้สีอะไร อันนี้ควรรู้ ไว้ก็ดีครับ

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น